วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

การสร้างประโยคคำถามในภาษาอังกฤษ

ปกติแล้ว ประโยคคำถามในภาษาอังกฤษนั้นจะขึ้นต้นด้วย Verb


ประโยคบอกเล่าใดที่ กริยาช่วย Verb to be เป็น main verb ไม่ว่าจะเอา verb to be เข้ามาใช้กับ Adjective เช่น She is short. He was lazy.
หรือ ประโยคที่ verb to be นั้น แปลว่า เป็น/อยู่/คือ เช่น I am a teacher. She is at the school.

เราสามารถ นำ Verb to be นั้นมาวางไว้หน้าประโยคเพื่อให้เป็นประโยคคำถามได้เลย เช่น
      จาก She is short กลายเป็น Is she short? (ตอบแบบสั้น Yes, she is. / No, she isn't.)
        จาก They are at the hospital. กลายเป็น Are they at the hospital? (ตอบแบบสั้น No, they aren't. / Yes, they are.)

แต่ประโยคใดที่ Verb ธรรมดา (เช่น go, sleep, cry, beat) ซึ่งตัวมันเองไม่ได้เป็นกริยาช่วย จะต้องหากริยาเข้ามาช่วยให้เป็นประโยคคำถาม ซึ่งมันก็แล้วแต่ Tense เช่น
        1.  Present simple tense จะนำ verb to do (do/does) เข้ามาช่วยให้เป็นประโยคคำถาม และช่วยให้เป็นประโยคปฏิเสธ
                She likes him. กลายเป็น Does she like him? (จำไว้เสมอว่า เมื่อเอากริชายเข้ามใช้ในประโยค main verb จะอยู่ในรูป infinitive เสมอ จากตัวอย่างจะเป็นว่าในประโยคคำถาม verb like ไม่ได้เติม s)
                You swim every day กลายเป็น Do you swim every day?
         *** Does ใช้กับประธานที่ เป็นเอกพจน์บุรุษที่3 (อะไรคือเอกพจน์บุรุษที่3 ศึกษาจากบทความก่อนหน้า เรื่อง The simple Present Tense)
         *** Do ใช้กับประธานที่ไม่ใช่เอกพจน์บุรุษที่ 3
       2. Past simple tense เนื่องจากเทนซ์นี้เป็นอดีต ก็จะนำ past simple (vช่อง2) ของ Verb to do นั่นคือ did เข้ามาช่วยให้เป็นประโยคคำถามหรือ ประโยคปฏิเสธ เช่น
                I ate an apple this morning.  กลายเป็น Did I eat an apple the morning?
                Bom forgot to visit his mother last week. กลายเป็น Did Bom forget to visit his mother last week?
       3. Present continuous tense เทนซ์นี้ มี กริยาช่วยที่เป็น Verb to be อยู่ในโครงสร้างประโยคอยู่แล้ว ก็ย้าย verb to be นั้น มาไว้หน้าประโยคได้เลย เช่น

                We are studying English. กลายเป็น Are we studying English?
                 I am writing a letter. กลายเป็น Am I writing a letter?
ส่วน Perfect tense ก็มีกริยาช่วย Verb to have อยู่แล้วก็ย้าย verb to have นั้นไปไว้หน้าประโยคเลย
เช่นเดียวกับ Future tense ก็ย้ายกริยาช่วย will มาไว้หน้าไปโยคเลย

ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นคำถามที่ต้องตอบ Yes/No ก่อน
แล้วถ้าเป็นคำถามที่ต้องการรายละเอียดล่ะ
                ก็ให้เอา Wh-question word วางไว้หน้ากริยาที่ขึ้นต้นประโยคนั้นค่ะ เช่น
                       What do you do?
                       Where are you now? เป็นต้น

Wh-question word ต่างๆดูได้ใน บทความก่อนหน้าเรื่อง The Simple Present Tense


วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เก็บภาพแห่งความประทับใจ

วันอาเซียน

กีฬาครูลุ่มน้ำปาว

นักศึกษาปี 3

งานแต่งเพื่อน

ชมต้นไม้งานกาชาดวานร


วันรายงานตัวบรรจุ
งานวันครู ปี 2559

ยืนต้อนรับนักเรียนตอนเข้า ณ ประตูหลัง รร.

งานอาเซียนอะไรซักอย่าง ที่ มรภ.สกลนคร

งานอาเซียนเช่นเดียวกัน

พา นร.ไปแข่ง Spelling Bee ที่ขอนแก่น

เข้าอบรม DLIT ที่พรรณา

ชุทนุมเกมภาษาอังกฤษ

กิจกรรม Mime

The Simple Present Tense

The Simple Present Tense
ใช้ยังไง ตอนไหนคะ/ครับ 
1. ก็ใช้เพื่อบอกกล่าว เล่า ถึงสิ่งที่มันเป็นความจริงหรือข้อเท็จจริงยังไงล่ะคะ เช่น
          The world is round. (โลกมีลักษณะเป็นทรงกลม)
          The earth rotates around the sun. (โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์)
          Stores close at 8:00 P.M. (ร้านค้าหลายร้านปิดตอน 2 ทุ่ม)
มาลองแต่งประโยคความจริงของเรากันค่ะ
          ฉันชอบนิชคุณ = I like Nichkhun.      
          ตาคุณแล้ว(เอาชื่อเพื่อนในห้องก็ได้ค่ะ).............................................
          คุณพ่อของฉันชื่อ..........................        
          เติมชื่อภาษาไทยแล้วแปลเป็นอังกฤษค่ะ.......................................
2. ใช้เพื่อบอกหรือบรรยายถึงการกระทำที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวันหรือเป็นลักษณนิสัย  เช่น
          Ben works from nine to five. (เบนทำงานตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็นเป็นปกติ)
          I get up at seven every morning. (ฉันตื่น 7 โมงเช้าทุกวัน)
ตาคุณแล้ว เขียน 2 ประโยคค่ะ บอกหน่อยว่า เรียนตั้งแต่กี่โมงถึงกี่โมง  และปกติตื่นตอนกี่โมงคะ
          .......................................................................                 ......................................................................................
ครูครับคะ ลองแต่งแล้วแต่งไม่เป็น มันต้องเอาอะไรขึ้นก่อน เอาอะไรต่อกันยังไง งง ค่ะ
          -อ้อ โครงสร้างประโยคบอกเล่านะคะ   S+V1(เติมS,ES).


3. การถามเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นความจริงหรือสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำเราต้องหาตัวช่วยค่ะ ตัวช่วยของเราก็คือ Verb to do ซึ่งใน simple present tense มี 2 รูป ได้แก่ Do กับ Does แต่.....จำให้ขึ้นใจว่า เมื่อเอา do/does เข้ามาใช้ในประโยคจะไม่มีการเติม e,es หลัง Verb ใดๆทั้งสิ้นค่ะ
   โครงสร้าง Do/Does + S + V1?     - Do bats sleep during the day? (ค้างคาวนอนตอนกลางวันใช่หรือไม่)
   ตอบ    ใช่ Yes,+S+do/does.           - No, they don’t. They sleep during the night. (ไม่ใช่ พวกมันนอนตอนกลางคืน)


             
   ไม่ใช่ No,+S+do/does.         - Does marry usually take the bus to school? (แมรรี่ขึ้นรถบัสไปเรียนเสมอๆใช่ไหม)
                                       - Yes, she does. (ใช่ เธอนั่งรถบัสไปเรียนเสมอ)





การสร้างประโยคคำถามที่ต้องการรายละเอียด เราต้องเอา Wh-question words เข้ามาช่วย โดยเอาวางไว้หน้าประโยคคำถามนะคะ
          โครงสร้าง Wh-question word + do/does + s + v1?
เช่น
          - อยากถามว่าคุณทำงานอะไร What do you do?
                    เขาก็จะตอบเป็นรายละเอียดว่าทำงานอะไรอยู่ เช่น I’m a teacher.
          - อยากถามว่า ปกติคุณตื่นนอนตอนไหน When do you get up?
เขาก็จะตอบว่า I always get up at 6 O’clock.
          - อยากถามว่าเขา (ผู้ขาย) อาศัยอยู่ที่ไหน Where does he live?
                   เขาก็จะตอบว่า He lives in Sakon Nakorn province.
- อยากถามว่า เขา (ผู้ชาย) ถึงชอบผู้หญิงคนนั้น Why does he like the girl?
          เขาก็จะตอบว่า Because she is very lovely.

Wh-question words ประกอบด้วย
What = อะไร
When = เมื่อไหร่, ตอนไหน
Where = ที่ไหน
Why = ทำไม
How = อย่างไร ยังไง

Who = ใคร